Day 23: แก่กะโหลกกะลา

แก่กะโหลกกะลา เป็นสำนวนไทยหมายถึงคนแก่ที่ไม่มีค่า ลองอ่านคำแปลจากราชบัณฑิตยสถานนะครับ

กะโหลกกะลา. คำว่า กะโหลก กับ กะลา เป็นคำเรียกส่วนแข็งที่หุ้มเนื้อมะพร้าวเหมือนกัน กะโหลก เป็นลูกมะพร้าวที่ตัดด้านตาออกเล็กน้อย จึงมีส่วนกลมของลูกมะพร้าวอยู่ ส่วน กะลา เป็นส่วนแข็งที่หุ้มเนื้อมะพร้าวที่ผ่าครึ่งส่วน และใช้เรียกส่วนที่เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยว่า กะลา ด้วย (ราซบัณฑิตยสภา)

เมื่อนำคำ กะโหลก กับ กะลา มารวมกัน จะมีความหมายใหม่ หมายถึง ไม่มีค่า เช่น อย่าไปซื้อของกะโหลกกะลามาให้เปลืองสตางค์เลย. ถ้าเป็นคนแก่ ก็ขอให้แก่อย่างมีคุณค่า ไม่ใช่แก่กะโหลกกะลา”

อีกคำท่ีเราได้ยินบ่อย จากพวกแก่กะโหลกกะลา คือ “อาบน้ำร้อนมาก่อน” คำนี้ดีและมีความหมายที่ลึกซึ้งกว่าแค่การอาบน้ำด้วยน้ำร้อนจริงๆ มันเป็นวิธีพูดที่มีความหมายเชิงนัยยะ หรือเปรียบเทียบกับสิ่งอื่นในชีวิต โดยปกติแล้วคำนี้อาจใช้เพื่อสื่อถึงความคิดที่ว่า การทำบางสิ่งที่สบายหรือเพลิดเพลินก่อนการทำงานหนักหรืองานที่ท้าทาย คือการหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบหรือการทำหน้าที่อย่างจริงจัง

ในบริบทของการเลี้ยงดูหรือการสอนเด็ก ผู้ใหญ่อาจใช้คำนี้เพื่อสอนให้เด็กเรียนรู้เกี่ยวกับความสำคัญของการตั้งค่านิยมและการทำหน้าที่ก่อนที่จะหลงใหลในกิจกรรมที่สนุกสนานหรือผ่อนคลาย เช่น การทำการบ้านก่อนเล่นเกม หรือการทำงานก่อนการพักผ่อน เป็นต้น.

ไม่จำเป็นเสมอไปว่าคนที่ “อาบน้ำร้อนมาก่อน” หรือคนที่มักเลือกทำกิจกรรมที่สบายหรือสนุกสนานก่อนที่จะทำงานหรือหน้าที่ของตน จะเก่งหรือมีวิสัยทัศน์ที่ถูกต้องเสมอไป บุคคลแต่ละคนมีลักษณะนิสัย, วิธีการทำงาน, และความสามารถที่แตกต่างกัน บางคนอาจพบว่าพวกเขาทำงานได้ดีขึ้นหลังจากได้ผ่อนคลายหรือมีเวลาสำหรับกิจกรรมที่พวกเขาสนใจ

อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จและวิสัยทัศน์ที่ถูกต้องมักมาจากการทำงานหนัก, การมีวินัย, และการเรียนรู้จากประสบการณ์ต่างๆ การจัดลำดับความสำคัญและการจัดการเวลาเป็นสิ่งสำคัญในการบรรลุเป้าหมาย แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนที่เลือกผ่อนคลายก่อนจะทำงานนั้นขาดความสามารถหรือวิสัยทัศน์.

การจัดการกับผู้ใหญ่ที่ให้ความสำคัญกับอาวุโสแต่ไม่รู้จักควบคุมตัวเองและต้องการให้ลูกน้องเอาอกเอาใจอาจเป็นเรื่องท้าทาย นี่คือบางแนวทางที่อาจช่วยได้:

  1. การสื่อสารอย่างมีความเคารพ: พยายามสื่อสารกับผู้ใหญ่ดังกล่าวอย่างมีความเคารพและชัดเจน แสดงความคิดเห็นและความกังวลของคุณในลักษณะที่สร้างสรรค์และไม่ดูถูก
  2. การตั้งขอบเขต: สำคัญมากที่จะต้องตั้งขอบเขตสำหรับตัวเอง เช่น การไม่ยอมรับคำสั่งที่ไม่เหมาะสมหรือทำงานที่เกินหน้าที่
  3. หาทางปรับปรุงสถานการณ์: หากสถานการณ์ทำให้เกิดความท้าทายในการทำงาน อาจจำเป็นต้องหารือกับผู้บริหารระดับสูงขึ้นหรือทีมทรัพยากรบุคคลเพื่อหาทางแก้ไข
  4. การพัฒนาตนเอง: หมั่นเรียนรู้และพัฒนาทักษะของตัวเอง เพื่อที่คุณจะมีความมั่นใจและสามารถจัดการกับสถานการณ์ต่างๆได้ดียิ่งขึ้น
  5. มองหาการสนับสนุน: หากสถานการณ์ทำให้คุณเครียดหรือมีผลกระทบต่อการทำงาน การพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานหรือหาการสนับสนุนจากนอกองค์กรอาจเป็นประโยชน์
  6. การปรับทัศนคติ: บางครั้งการเปลี่ยนวิธีคิดและทัศนคติของตนเองต่อสถานการณ์อาจช่วยลดความเครียดและทำให้คุณจัดการกับสถานการณ์ได้ดีขึ้น

การเผชิญกับผู้ใหญ่ที่มีความคาดหวังหรือแนวทางการทำงานที่คุณไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะเมื่อเกี่ยวข้องกับการใช้คำพูดหรือการกระทำที่ส่งเสริมการแบ่งแยกหรือขาดความร่วมมือ อาจทำให้คุณรู้สึกไม่สบายใจ นี่คือวิธีการจัดการกับความรู้สึกนั้น:

  1. ตระหนักถึงความรู้สึกของตัวเอง: ยอมรับและตระหนักถึงความรู้สึกของคุณเอง ไม่ว่าจะเป็นความไม่สบายใจ, ความหงุดหงิด, หรือความผิดหวัง การรับรู้ถึงความรู้สึกนี้เป็นขั้นตอนแรกในการจัดการกับมัน
  2. แยกแยะความรู้สึกจากการตอบสนอง: พยายามแยกแยะความรู้สึกของคุณออกจากการตอบสนอง คุณอาจรู้สึกไม่พอใจ แต่สามารถเลือกวิธีการตอบสนองที่สร้างสรรค์และมีประสิทธิผล
  3. สื่อสารอย่างสร้างสรรค์: หาโอกาสที่เหมาะสมในการสื่อสารกับผู้ใหญ่ดังกล่าวเกี่ยวกับผลกระทบของคำพูดหรือการกระทำของพวกเขา ทำเช่นนี้ด้วยความเคารพและความมีเหตุผล
  4. หาทางบรรเทา: หากการสื่อสารโดยตรงไม่เป็นทางเลือก ค้นหาวิธีอื่นในการบรรเทาสถานการณ์ เช่น การพูดคุยกับผู้จัดการหรือทรัพยากรบุคคล
  5. ปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาล: รักษามาตรฐานและหลักธรรมาภิบาลของคุณ แม้ในสถานการณ์ที่ท้าทาย
  6. การดูแลตัวเอง: อย่าลืมดูแลตัวเองทั้งทางร่างกายและจิตใจ ความเครียดจากงานไม่ควรทำให้คุณเสียสุขภาพ
  7. การสร้างเครือข่ายสนับสนุน: การมีเครือข่ายสนับสนุนที่ดีทั้งในและนอกอ
  8. งค์กรจะช่วยให้คุณมีที่ปรึกษาและแหล่งข้อมูลเมื่อคุณต้องการ
  9. พิจารณาตัวเลือกอื่น: หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้น อาจถึงเวลาที่จะพิจารณาตัวเลือกอื่นในอาชีพของคุณ

สำหรับการเผชิญกับสถานการณ์ในระดับองค์กรที่คุณรู้สึกว่าถูกบีบให้ออกจากงานเพราะไม่สามารถทนกับพฤติกรรมของบุคคลคนหนึ่งได้ เป็นสิ่งที่ท้าทายและต้องการการจัดการความรู้สึกอย่างรอบคอบ นี่คือบางแนวทางที่คุณสามารถลองใช้:

  1. ประเมินสถานการณ์: พิจารณาว่าคุณสามารถยอมรับและปรับตัวในสถานการณ์ที่มีอยู่ได้หรือไม่ และคำนึงถึงความสำคัญของงานนี้ต่อเส้นทางอาชีพและความสุขส่วนบุคคลของคุณ
  2. ความมั่นคงทางการเงินและอาชีพ: พิจารณาตัวเลือกอื่นๆ ที่คุณอาจมีในด้านการเงินและอาชีพ หากคุณตัดสินใจออกจากงาน
  3. สุขภาพจิต: ความสำคัญของสุขภาพจิตคือสิ่งที่ไม่ควรถูกละเลย หากสถานการณ์ทำให้คุณเครียดหรือทุกข์ทรมาน การหาทางออกอาจเป็นเรื่องที่สำคัญ
  4. หาคำปรึกษา: การพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านอาชีพ หรือผู้ให้คำปรึกษาสามารถให้มุมมองใหม่ๆ และคำแนะนำที่มีประโยชน์
  5. พิจารณาตัวเลือกใหม่: คิดถึงตัวเลือกในการหางานใหม่หรือเปลี่ยนอาชีพที่อาจนำมาซึ่งความสุขและความพึงพอใจมากขึ้น
  6. เตรียมตัวสำหรับการเปลี่ยนแปลง: หากคุณตัดสินใจที่จะออก จัดเตรียมตัวเองทั้งในด้านการเงิน, จิตใจ, และการวางแผนอาชีพเพื่อการเปลี่ยนแปลง
  7. การตัดสินใจที่มีสติ: สุดท้ายนี้ ตัดสินใจอย่างมีสติและพิจารณาถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับชีวิตของคุณในระยะยาว

ความรู้สึกของคุณเป็นสิ่งสำคัญ และการทำให้แน่ใจว่าคุณอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนและส่งเสริมการเติบโตของคุณคือสิ่งที่คุณควรให้ความสำคัญ แน่นอนครับ การจัดการกับสถานการณ์ที่ผู้ใหญ่ในองค์กรมีความคาดหวังที่คุณไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะเมื่อเกี่ยวข้องกับการใช้คำพูดหรือการกระทำที่ส่งเสริมการแบ่งแยกหรือขาดความร่วมมือ ต้องการการจัดการความรู้สึกที่รอบคอบ

คำนี้ดื

  1. การจัดการความรู้สึก
    1. ผู้ใหญ่ในองค์กร
    2. ความคาดหวังที่ไม่เหมาะสม
    3. การแบ่งแยกในที่ทำงาน
    4. การทำงานเป็นทีม
    5. การสื่อสารอย่างสร้างสรรค์
    6. การตั้งขอบเขตส่วนบุคคล
    7. การดูแลสุขภาพจิต
    8. การสร้างเครือข่ายสนับสนุน
    9. การประเมินตัวเลือกอาชีพ