turned on silver imac and magic keyboard with mouse

CCOE : Cloud COE

ในฐานะที่เทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้งกำลังสร้างความเปลี่ยนแปลงในวิธีที่องค์กรดำเนินธุรกิจและจัดการกับข้อมูล, Cloud COE มีบทบาทที่สำคัญมากในการทำให้แน่ใจว่าองค์กรเหล่านั้นสามารถนำคลาวด์มาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ และทำให้เกิดผลตอบแทนที่ดีที่สุดจากการลงทุนในคลาวด์. Cloud COE ไม่ได้มีเพียงแค่บทบาทในการให้คำปรึกษาหรือให้การสนับสนุนทางเทคนิคเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทในการนำทางและแนะนำองค์กรในการปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ทั้งในด้านของการทำธุรกิจ วัฒนธรรม และกระบวนการทำงาน. ด้วยความรู้และประสบการณ์ที่สูงในด้านคลาวด์, Cloud COE สามารถช่วยในการยกระดับความรู้ของพนักงานภายในองค์กร และสนับสนุนการนำความรู้เหล่านี้ไปใช้ประโยชน์ในการดำเนินงานจริง. นอกจากนี้, Cloud COE ยังมีบทบาทในการเป็นจักรกลหลักในเชื่อมต่อระหว่างทีมงานเทคนิคและทีมงานด้านธุรกิจ ทำให้การตัดสินใจเกี่ยวกับการนำคลาวด์มาใช้ในองค์กรเป็นไปตามเป้าหมายและเป้าประสงค์ที่ต้องการ. รวมถึง, กับการที่ธุรกิจและเทคโนโลยีทั้งสองกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว, การมี Cloud COE ในองค์กรจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าคุณกำลังเดินทางไปในทิศทางที่ถูกต้อง และทำให้เตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต. ก่อนที่ผมจะเขียนต่อเรามาำความเข้าใจกับ คำศัพ์ของ Cloud สำหรับองค์กรก่อน

Landing Zone: (LZ) คือพื้นที่เริ่มต้นบนบริการคลาวด์ที่มีการตั้งค่าเริ่มต้นสำหรับการดำเนินการในการประยุกต์ใช้งานคลาวด์ โดยจะประกอบด้วยการตั้งค่าเครือข่าย, การกำหนดนโยบายความปลอดภัย, การตั้งค่าบัญชีผู้ใช้, และอื่นๆ ในการใช้งานคลาวด์อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย การมี Cloud Landing Zone ช่วยให้องค์กรสามารถ:

  • เริ่มต้นการประยุกต์ใช้งานคลาวด์ได้อย่างรวดเร็ว: ด้วยการตั้งค่าเริ่มต้นที่ถูกกำหนดไว้แล้ว, ทีมงานสามารถนำโปรเจ็กต์และแอปพลิเคชันของตนเข้าสู่คลาวด์ได้โดยไม่ต้องเสียเวลาในการตั้งค่าจากต้น
  • ควบคุมความปลอดภัย: ด้วยการตั้งค่านโยบายความปลอดภัยที่ได้รับการกำหนดไว้แล้ว, องค์กรสามารถมั่นใจได้ว่าการประยุกต์ใช้งานของตนเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยขององค์กร
  • ความสอดคล้องกับนโยบาย: การกำหนดการตั้งค่าใน Landing Zone ให้สอดคล้องกับนโยบายและคำแนะนำขององค์กร
  • การขยายตัว: ด้วยการมี Cloud Landing Zone ที่ถูกกำหนดเป็นมาตรฐาน, องค์กรสามารถขยายตัวและสร้างการประยุกต์ใช้งานเพิ่มเติมในคลาวด์ได้ด้วยความสะดวก

Cloud Security คือการรักษาความปลอดภัยในการใช้งานบนคลาวด์ โดยมุ่งเน้นที่การป้องกัน, ตรวจจับ, แก้ไข, และรับรู้เกี่ยวกับภัยคุกคามหรือการโจมตีที่เกิดขึ้นกับข้อมูล, แอปพลิเคชัน, และบริการที่ทำงานบนคลาวด์ หลักการของ Cloud Security ประกอบด้วย:

  1. การจัดการการเข้าถึง: ตั้งค่าการเข้าถึงระบบให้เหมาะสมและแน่นอนด้วยการใช้การรับรองความถูกต้องแบบหลายปัจจัย (MFA) และ Identity and Access Management (IAM)
  2. การเข้ารหัสข้อมูล: เข้ารหัสข้อมูลทั้งในสถานะนิ่ง (data at rest) และขณะถูกส่ง (data in transit)
  3. การตรวจสอบและบันทึก: ใช้เครื่องมือเพื่อบันทึกและตรวจสอบการใช้งาน เพื่อตรวจจับและตอบสนองต่อกิจกรรมที่ไม่ปกติหรือเสี่ยง
  4. การกำหนดนโยบายความปลอดภัย: ใช้เครื่องมือการบริหารจัดการนโยบายความปลอดภัยเพื่อกำหนดและบังคับใช้นโยบายความปลอดภัย
  5. การป้องกันการโจมตีแบบ DDoS: ใช้เครื่องมือเพื่อป้องกันและตัวต้านการโจมตี Distributed Denial of Service (DDoS)
  6. จัดการปัญหาที่มีศักยภาพ: ติดตั้งแพตช์และอัปเดตเพื่อแก้ไขช่องโหว่ที่อาจเกิดขึ้น

สำหรับมาตรฐานความปลอดภัย, มีหลายมาตรฐานที่ถูกสร้างขึ้นโดยหน่วยงานต่างๆ:

  1. ISO/IEC 27001: มาตรฐานสากลด้านการจัดการความปลอดภัยสารสนเทศ
  2. NIST SP 800-53: มาตรฐานความปลอดภัยสารสนเทศของหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา
  3. PCI DSS: มาตรฐานความปลอดภัยสำหรับการประมวลผลการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต
  4. CIS Benchmarks: แนะนำการตั้งค่าความปลอดภัยสำหรับเทคโนโลยีต่างๆ จาก Center for Internet Security
  5. GDPR: ข้อกำหนดสำหรับความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับประชากรในสหภาพยุโรป
  6. PDPA: ข้อกำหนดสำหรับความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับประเทศไทย

Multi-cloud หมายถึง การใช้งานบริการคลาวด์จากหลายผู้ให้บริการคลาวด์พร้อมกัน โดยอาจจะรวมถึงการใช้งานบริการ IaaS (Infrastructure as a Service), PaaS (Platform as a Service), หรือ SaaS (Software as a Service) จากหลายๆ ผู้ให้บริการ

ตัวอย่างของเหตุผลที่องค์กรเลือกใช้ Multicloud มีดังนี้:

  1. ความยืดหยุ่น: สามารถเลือกและใช้บริการที่ดีที่สุดจากแต่ละผู้ให้บริการคลาวด์
  2. การลดความเสี่ยง: กรณีที่ผู้ให้บริการคลาวด์หนึ่งมีปัญหา, องค์กรยังมีข้อมูลหรือบริการที่ทำงานบนคลาวด์อื่น
  3. เป้าหมายภูมิศาสตร์: บางผู้ให้บริการคลาวด์อาจมีศูนย์ข้อมูลในพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าหรือการปฏิบัติตามกฎระเบียบ
  4. การเจรจาเรื่องราคา: มีการแข่งขันระหว่างผู้ให้บริการคลาวด์ทำให้มีโอกาสเจรจาเรื่องราคาและค่าบริการได้
  5. การหลีกเลี่ยงการผูกขาด: การที่ไม่ได้ขึ้นของกับผู้ให้บริการคลาวด์เดียว ทำให้สามารถหลีกเลี่ยงการพึ่งพาและผูกขาดกับผู้ให้บริการคลาวด์ใดคลาวด์หนึ่ง

แต่ทว่าการใช้ Multicloud ก็มีความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นการจัดการทรัพยากร, การตั้งค่าความปลอดภัย, และการจัดการการใช้งานต้องได้รับความใส่ใจอย่างมาก เพื่อให้การใช้งานคลาวด์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย.

COE หรือ “Center of Excellence” (ศูนย์ความเป็นเลิศ) ในบริบทของคลาวด์ (Cloud COE) เป็นทีมหรือกลุ่มของผู้เชี่ยวชาญที่มีภารกิจสนับสนุนและบังคับใช้การใช้งานคลาวด์ในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ด้านล่างนี้เป็นบทบาทหลักๆ ของ Cloud COE:

  1. นำทางแนวคิด: กำหนดแนวทางการใช้งานคลาวด์, มาตรฐาน, และทิศทางเกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีคลาวด์มาใช้ในองค์กร
  2. การประเมินและเลือกเครื่องมือ: ทดสอบ, ประเมิน, และเลือกเครื่องมือหรือบริการคลาวด์ที่เหมาะสมที่สุดกับองค์กร
  3. การบังคับใช้มาตรฐานความปลอดภัย: กำหนดนโยบายความปลอดภัยและการบังคับใช้มาตรฐานในการใช้งานคลาวด์
  4. การสนับสนุนและการฝึกอบรม: ให้คำปรึกษา, แนะนำ, และการฝึกอบรมเกี่ยวกับการใช้งานคลาวด์แก่ทีมงานในองค์กร
  5. การรับรองคุณภาพ: ตรวจสอบและรับรองคุณภาพของแอปพลิเคชันหรือบริการที่ทำงานบนคลาวด์ เพื่อให้แน่ใจว่ามีการทำงานอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
  6. การจัดการและการวิเคราะห์ทรัพยากร: ตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้งานและการใช้ทรัพยากรบนคลาวด์ เพื่อควบคุมต้นทุนและประสิทธิภาพ
  7. สนับสนุนในการนำเสนอ: บริการเป็นตัวแทนหรือที่ปรึกษาในการพิจารณาหรือเจรจากับผู้ให้บริการคลาวด์ต่างๆ

Cloud COE มักจะทำหน้าที่เป็น “พันธมิตร” ในการย้ายหรือการใช้งานคลาวด์ โดยเรียนรู้, สนับสนุน, และเชื่อมโยงความรู้เกี่ยวกับคลาวด์ในทั่วองค์กร เพื่อให้เกิดการนำเสนอคลาวด์ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย.บทบาทของ Cloud CoE (Cloud Center of Excellence) มักเกิดขึ้นจากการตระหนักถึงความจำเป็นในการบริหารจัดการคลาวด์ในองค์กร และความจำเป็นในการมีทีมงานเฉพาะทางเพื่อสนับสนุนการประยุกต์ใช้คลาวด์ ในการปฏิบัติงาน, Cloud CoE มักเน้นที่การกำหนดมาตรฐาน, แนวทางการประยุกต์ใช้, ความปลอดภัย, การจัดการค่าใช้จ่าย, และการประกันคุณภาพของบริการคลาวด์ ภายในองค์กร. มาตรฐานที่มักพบในอุตสาหกรรมทั่วไป อาจไม่ได้กล่าวถึง Cloud CoE โดยตรง แต่บางครั้งมีแนวทางหรือเอกสารแนะนำที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการคลาวด์ ซึ่งสามารถถูกนำไปใช้ประกอบกับบทบาทของ Cloud CoE ได้.

ตัวอย่างเช่น:

  • AWS Well-Architected Framework: เน้นที่ห้าหลัก (Five Pillars) ได้แก่ Operational Excellence, Security, Reliability, Performance Efficiency, และ Cost Optimization. ภายใต้หลัก Operational Excellence แนะนำเรื่องการประยุกต์ใช้แนวทางด้านการดำเนินงานและการจัดการที่ดี ซึ่ง Cloud CoE สามารถประยุกต์ใช้ได้.
  • Microsoft Azure Cloud Adoption Framework: มุ่งเน้นการให้คำแนะนำในการย้ายและปรับใช้งานบนคลาวด์ของ Azure รวมถึงการกำหนดเป้าหมาย, การวางแผน, และการรับประกันคุณภาพ. บทบาทของ Cloud CoE อาจประกอบด้วยการสนับสนุนทีมงานต่าง ๆ ในองค์กรเพื่อให้สามารถประยุกต์ใช้คลาวด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ.
  • Google Cloud’s Best Practices: แนะนำวิธีการใช้บริการของ Google Cloud ในหลาย ๆ ด้าน เช่น การกำหนดค่า, การประกันความปลอดภัย, และการรับประกันการทำงาน. Cloud CoE สามารถประยุกต์ใช้แนวทางเหล่านี้เพื่อขับเคลื่อนการประยุกต์ใช้คลาวด์ในองค์กร.

บทบาทของ Cloud CoE อาจจะถูกกล่าวถึงในแนวทางเหล่านี้แบบโดยอ้อม หรือเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางเพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากคลาวด์ แต่สำหรับมาตรฐานทั่วไปอย่าง ITIL, ISO27001, NIST, หรือ CIS ไม่ได้ถูกกล่าวถึงโดยตรง.

หรับมาตรฐานทั่วไปอย่าง ITIL, ISO27001, NIST, หรือ CIS ที่เราได้กล่าวถึงก่อนหน้านี้ บทบาทของ Cloud CoE ไม่ได้ถูกกล่าวถึงโดยตรง.

COE (Center of Excellence) และ CSP (Cloud Service Provider) เป็นส่วนต่างๆ ที่มีบทบาทและหน้าที่ที่แตกต่างกันในบริบทของคลาวด์:

  1. Cloud COE (Center of Excellence):
    • บทบาท: Cloud COE สร้างขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางของความรู้, ทักษะ, และทิศทางเกี่ยวกับการใช้งานคลาวด์ในองค์กร. มักจะประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่มีทักษะและประสบการณ์ในด้านคลาวด์.
    • หน้าที่หลัก:
      • กำหนดแนวทางและมาตรฐานในการใช้งานคลาวด์
      • การประเมินและเลือกเครื่องมือหรือบริการคลาวด์ที่เหมาะสม
      • การสนับสนุนและฝึกอบรมให้กับทีมงานในองค์กร
      • การรับรองคุณภาพและวิเคราะห์การใช้งานคลาวด์
    • เป้าหมาย: การให้บริการคำปรึกษา, การนำทาง, และการสนับสนุนการใช้งานคลาวด์ในองค์กรอย่างถูกต้อง, ปลอดภัย, และมีประสิทธิภาพ.
  2. Cloud CSP (Cloud Service Provider):
    • บทบาท: CSP คือ ผู้ให้บริการคลาวด์ หรือบริษัทที่ให้บริการสภาพแวดล้อมคลาวด์ในรูปแบบต่างๆ เช่น IaaS, PaaS, และ SaaS.
    • หน้าที่หลัก:
      • ให้บริการสิ่งแวดล้อมคลาวด์ให้กับลูกค้า
      • การบำรุงรักษาและปรับปรุงประสิทธิภาพของบริการคลาวด์
      • ให้บริการความปลอดภัยและการสำรองข้อมูลในสภาพแวดล้อมคลาวด์
      • ให้บริการการสนับสนุนและบริการเทคนิคต่างๆ
    • เป้าหมาย: ให้บริการสภาพแวดล้อมคลาวด์ที่มีประสิทธิภาพ, มั่นคง, และปลอดภัยให้กับลูกค้า.

Center of Excellence (CoE) หรือ “ศูนย์ความเป็นเลิศ” มีหน้าที่สำคัญในการกำหนดมาตรฐาน, แนวทาง, การประกันคุณภาพ, และการสนับสนุนการบูรณาการเทคโนโลยีหรือการประยุกต์ใช้ในองค์กร. ทั้งนี้, CoE ไม่จำเป็นต้องเป็น CSP ทั้งงาน Implementor หรือผู้ปฏิบัติงานด้านการริเริ่มการประยุกต์ใช้โดยตรง, หรือ แม่้แต่ Operational แต่ในบางกรณี, CoE อาจทำหน้าที่ในการปฏิบัติงานดังกล่าวด้วย

ถ้า CoE เป็น CSP ในมุม Implementor

Strengths (จุดเด่น):

  1. ความเชี่ยวชาญในศาสตร์: CoE มีทีมงานที่มีความรู้และประสบการณ์สูง, จึงสามารถให้การประยุกต์ใช้ได้มีประสิทธิภาพ
  2. ความต่อเนื่อง: มีการสื่อสารและการบริหารจัดการที่เป็นระบบ, ไม่ต้องมีการส่งมอบงานระหว่างทีม
  3. มาตรฐาน: การประยุกต์ใช้จะสอดคล้องกับมาตรฐานและแนวทางที่ CoE กำหนด
  4. การประกันคุณภาพ: ความเชี่ยวชาญของ CoE ช่วยให้งานที่ได้รับปฏิบัติมีคุณภาพสูง
  5. ปรับตัวได้เร็ว: สามารถปรับเปลี่ยนแนวทางการทำงานได้เร็วและง่าย

Weaknesses (จุดอ่อน):

  1. ทรัพยากร: CoE อาจต้องใช้ทรัพยากรมากขึ้นในการทำงานและการสนับสนุน
  2. ความยืดหยุ่น: อาจติดตามมาตรฐานและแนวทางที่เข้มงวดเกินไป
  3. ภาระงาน: การทำหน้าที่ในการประยุกต์ใช้และการสนับสนุนอาจทำให้ CoE มีภาระงานเพิ่มขึ้น
  4. ความคาดหวัง: มีความคาดหวังสูงในการทำให้การประยุกต์ใช้สำเร็จ
  5. การเน้นที่การปฏิบัติงาน: อาจลดความสนใจในการกำหนดมาตรฐานหรือการวิจัย

Opportunities (โอกาส):

  1. การปรับปรุงต่อเนื่อง: มีโอกาสเรียนรู้จากการประยุกต์ใช้และทำการปรับปรุง
  2. ร่วมมือ: สามารถร่วมมือกับทีมงานในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  3. ประสิทธิภาพ: ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีหรือกระบวนการใหม่ ๆ ที่สอดคล้องกับศาสตร์
  4. ขยายสกิล: สร้างทีมงานที่มีความรู้และทักษะในด้านต่าง ๆ
  5. สร้างบรรยากาศการเรียนรู้: ผลักดันให้มีการเรียนรู้และแบ่งปันความรู้

ถ้า CoE เป็น CSP ในมุม Operation

Strengths (จุดเด่น):

  1. ความเชี่ยวชาญ: มีความรู้และความเชี่ยวชาญสูงในการดำเนินการบนคลาวด์, ช่วยในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
  2. มาตรฐาน: การดำเนินการบนคลาวด์จะสอดคล้องกับมาตรฐานและแนวทางที่ CoE กำหนด
  3. การประกันคุณภาพ: การดำเนินการมีคุณภาพส consistent และทันสมัย
  4. การตอบสนอง: สามารถตอบสนองและปรับเปลี่ยนตามความต้องการของธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว
  5. ภาพรวม: มีภาพรวมในการบริหารจัดการคลาวด์และสามารถตัดสินใจในเรื่องที่เกี่ยวข้องได้เป็นอย่างดี

Weaknesses (จุดอ่อน):

  1. ภาระงาน: การเป็นผู้ดำเนินการและผู้สนับสนุนอาจเพิ่มภาระงานให้กับ CoE
  2. ความยืดหยุ่น: อาจมีข้อจำกัดในการทดลองหรือการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ
  3. การเน้น: อาจเน้นไปที่การดำเนินการเกินกว่าการวิจัยและพัฒนา
  4. ความคาดหวัง: มีความคาดหวังสูงในการให้บริการและการดำเนินการ
  5. ทรัพยากร: อาจต้องมีการใช้ทรัพยากรเพิ่มเติม

Opportunities (โอกาส):

  1. การปรับปรุง: มีโอกาสเรียนรู้จากการดำเนินการและปรับปรุงกระบวนการ
  2. ความสามารถในการรวบรวม: สามารถรวบรวมข้อมูลและการดำเนินการจากทุกฝ่ายในองค์กร
  3. ขยายหน้าที่: สามารถขยายบทบาทไปยังการให้บริการอื่นๆ ที่เกี่ยวกับคลาวด์
  4. การสร้างความเชื่อมั่น: ทำให้สร้างความเชื่อมั่นกับผู้ใช้งานภายในองค์กร
  5. การบูรณาการ: สามารถบูรณาการเทคโนโลยีและกระบวนการในองค์กรได้อย่างเต็มรูปแบบ

Threats (อุปสรรค):

  1. ความเสี่ยง: การที่ CoE เป็นผู้ดำเนินการจริงอาจเพิ่มความเสี่ยงในการดำเนินการ
  2. การเปลี่ยนแปลง: การเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจหรือเทคโนโลยีอาจกระทบต่อการดำเนินการของ CoE
  3. การคาดการณ์: การประมาณการทรัพยากรอาจไม่เป็นจริง
  4. การแข่งขัน: มีการแข่งขันกับฝ่ายอื่นๆ ที่เสนอการดำเนินการหรือบริการที่คล้ายคลึง
  5. การยืนยัน: ถ้าการดำเนินการไม่ประสบความสำเร็จ, อาจกระทบต่อภาพลักษณ์ของ CoE ในองค์กร

บทสรุป

ในการพิจารณาบทบาทของ CoE (Center of Excellence) ภายในองค์กร, แนวคิดหลักที่ได้รับการยืนยันจากการสนทนาของเราคือ CoE ควรมีบทบาทเป็น “Standardizer” หรือผู้กำหนดมาตรฐานและแนวทางการทำงาน ด้วยความเชี่ยวชาญและความรู้ทางด้านเทคโนโลยีหรือบริการเฉพาะทางขององค์กร.

สำหรับ CoE, มีความสำคัญในการสร้างแนวทาง, การสนับสนุน, และการแบ่งปันความรู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพและความเชี่ยวชาญในองค์กร. ในขณะเดียวกัน, CoE ไม่ควรมีบทบาทในการ “Hand on” หรือการลงมือทำงานโดยตรง ซึ่งจะทำให้มีการกระจายภาระงานและยากต่อการจัดการ. หาก CoE ลงมือดำเนินการโดยตรง, อาจมีผลทำให้สูญเสียภาพรวมและมุมมองแบบกว้าง และยังอาจมีผลกระทบต่อการจัดสรรทรัพยากรและภาระงาน.

ดังนั้น, เพื่อให้ CoE สามารถทำหน้าที่ของตนเองในการสนับสนุนและนำความเชี่ยวชาญมาเป็นประโยชน์สูงสุด, ควรให้ความสำคัญที่การกำหนดมาตรฐาน, แนวทาง, และแนวคิด โดยไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการดำเนินงานรายละเอียดในฝ่ายการดำเนินการ.

ในยุคที่เทคโนโลยีสัมผัสเราทุกมิติ, เรามักพบกับความท้าทายที่ไม่เคยมีมาก่อน และในส่วนที่สำคัญ, คำว่า ‘Cloud’ ได้ส่องประกายเป็นพิธีกรแห่งการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ แต่พร้อมกับความสามารถที่ประเทือง, มันก็เป็นทั้งคำตอบ และคำถาม เราอาจสงสัยว่าภายในเบื้องลึกของ ‘Cloud’, มีอะไรบ้างที่เรายังไม่รู้?

คำตอบไม่ได้เจาะจงเฉพาะเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงมนุษย์, วัฒนธรรม, และกระบวนการ และเราคิดถึงคนที่อยู่ในฝั่งบริหาร ที่เราหวังว่าจะเป็นผู้นำที่มีความรู้และความเข้าใจที่ถ่องแท้ เพราะสุดท้ายแล้ว, การสร้างวิถีใหม่ในยุคดิจิทัลนี้ คือการรวมกันระหว่างเทคโนโลยีและคน

ผ่านไปไม่นาน, ความคิดเห็นที่ได้จดจารณาในนิทรรศการนี้, เป็นผลมาจากความประทับใจ, การสังเกต, และประสบการณ์จากภาคสนามการทำงานจริง หวังว่าจะเป็นแนวทาง หรือแม้แต่จุดเริ่มต้น สำหรับผู้อ่านทุกคนในการค้นหาความหมายและการทำงานร่วมกันในยุคของ ‘Cloud’ ที่ยากลำบาก แต่ก็มีความหมายมากที่สุด.

สุดท้ายนี้, ขอให้ผู้อ่านได้รับความรู้ และความแรงบันดาลใจ ในการเดินทางไปพร้อมๆ กับ ‘Cloud’ และเทคโนโลยีอื่นๆ ที่ยังคอยรอเราไปค้นพบอีกมากมาย.