เบาหวาน

โรคเบาหวานคือสภาวะที่ทำให้ร่างกายไม่สามารถใช้หรือผลิตอินซูลินได้อย่างเหมาะสม, ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่จำเป็นในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด. โดยมีสาเหตุหลักๆ มาจากการทำงานผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน, การมีความอ้วน, หรือปัจจัยทางพันธุกรรม. โรคเบาหวานสามารถนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนทางการแพทย์หลายประการถ้าไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม.

โรคเบาหวานมี 3 ประเภทหลัก ได้แก่:

  • โรคเบาหวานชนิดที่ 1 (Type 1 Diabetes): เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำลายเซลล์ที่ผลิตอินซูลินในตับ. ผู้ป่วยต้องใช้อินซูลินจากภายนอกร่างกายเพื่อควบคุมระดับน้ำตาล.
  • โรคเบาหวานชนิดที่ 2 (Type 2 Diabetes): เกิดจากร่างกายไม่ตอบสนองต่ออินซูลินหรือไม่สามารถผลิตอินซูลินเพียงพอ. โรคนี้มักเกี่ยวข้องกับการอ้วนและการออกกำลังกายน้อย.
  • โรคเบาหวานเจตนา (Gestational Diabetes): เกิดขึ้นระหว่างการตั้งครรภ์ โดยมักจะหายไปเองหลังจากการคลอด.

เข้าใจตัวเอง

ผมอยู่กับเบาหวานมากว่า 40 ปี แต่พึ่งรู้ตัวเมื่อตอนไปอยู่ต่างประเทศ โดยความเข้าใจนั้นก็มากับการต้องปรับตัวอย่างมหาศาล ผมเป็นผู้ป่วยเบาหวานประเภทที่ 1 การตรวจพบโรคเบาหวานชนิดที่ 1 สามารถเกิดขึ้นในทุกช่วงอายุ แต่มักจะพบในเด็กหรือวัยหนุ่มสาวมากกว่า หากมีความสงสัยว่าตนเองหรือบุคคลอื่นอาจมีโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัย มีหลายวิธีในการตรวจวินิจฉัยโรคเบาหวานชนิดที่ 1 โดยมีหลักเกณฑ์ดังนี้:

  • ตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือด: การตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดโดยไม่ได้รับการอดอาหาร (Fasting Blood Sugar Test): ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงกว่าหรือเท่ากับ 126 mg/dL ในสองครั้งต่อเนื่องอาจเป็นเครื่องหมายของโรคเบาหวาน.
  • การทำแบบทดสอบโหลดน้ำตาล (Oral Glucose Tolerance Test): ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงกว่าหรือเท่ากับ 200 mg/dL หลังจาก 2 ชั่วโมงทำแบบทดสอบอาจเป็นเครื่องหมายของโรคเบาหวาน.
  • ตรวจวัดระดับ A1C: การตรวจวัดระดับ A1C ที่สูงกว่าหรือเท่ากับ 6.5% ในสองครั้งต่อเนื่องอาจเป็นเครื่องหมายของโรคเบาหวาน.

แต่การตรวจของผมต่างออกไปสาเหตุที่อยากเล่าให้ฟังเพราะผมรู้สึกถึงกระบวนการใช้ชีวิตในประเทศที่ดูว่าเราไม่ได้มีประโยชน์ต่อเขาเลยแม้ว่าเราจะเสียเงินให้เขาไปบรริหารจัดการให้ขาดทุนแต่สิ่งที่ผมเล่าให้ฟังข้างบนแทบจะยังไม่ทำถ้าเทียบกับสิ่งที่ผมต้องเจอตอนนั้นมันหนักหนาแต่กับได้รับในฐานะสวัสดิการสังคมธรรมดา ตอนนั้นสิ่งผมถูกตรวจคือ การตรวจเช็คการทำงานของเซลล์เบต้า และการตรวจหาตัวกันต้านที่ทำลายเซลล์เบต้าในตับ เซลล์เบต้าเป็นเซลล์ที่อยู่ในตับ และมีหน้าที่ในการผลิตอินซูลิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่จำเป็นสำหรับการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด. ในโรคเบาหวานชนิดที่ 1, ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะทำลายเซลล์เบต้า ซึ่งทำให้ร่างกายไม่สามารถผลิตอินซูลินได้. การตรวจหาตัวกันต้านที่ทำลายเซลล์เบต้าในตับ ทำได้ด้วยการตรวจสอบตัวกันต้านในเลือดที่เป็นปัจจัยทำให้เซลล์เบต้าถูกทำลาย. ตัวกันต้านเหล่านี้ หรือ autoantibodies, อาจจะรวมถึง:

  • Insulin autoantibodies (IAA): ตัวกันต้านที่ต่อต้านอินซูลิน
  • Islet cell autoantibodies (ICA): ตัวกันต้านที่ต่อต้านเซลล์เบต้าและเซลล์อื่น ๆ ในตับ
  • Glutamic acid decarboxylase autoantibodies (GADA): ตัวกันต้านที่ต่อต้านเอนไซม์ glutamic acid decarboxylase ที่มีอยู่ในเซลล์เบต้า
  • Insulinoma-associated-2 autoantibodies (IA-2A): ตัวกันต้านที่ต่อต้านโปรตีนในเซลล์เบต้า

ผลสรุปที่ได้จากกระบวนการนั้นคือการติด Insulin pump

Insulin pumps เป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับให้อินซูลินให้กับบุคคลที่มีโรคเบาหวาน ด้วยการให้อินซูลินอัตโนมัติตลอดวัน ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด. ต้นทุนของ insulin pumps สูง ในประเทศไทยประมาณ USD 6,000) การใช้ชีวิตตอนนั้นแทบจะเหมือนคนทั่วไป มี Stock ยาอยู่ในตู้เย็นปริมาณหนึ่ง หลังจากกลับมาเมืองไทยสิ่งที่ผมคือระบสุขภาพที่ไม่รองรับจาก ทำให้การรักษาผมแทบจะหยุดชงักการที่ต้องปักเข็มเอง วันละหลาย ๆ ครั้ง มันก็ทำให้เราท้อโรคแทรกซ้อนที่เข้ามาก็มากเกินจะรับ ผมไม่อยากบนแต่ขอแชร์ประสบการณ์ในฐานผู้ป่วยกลุ่มโรค NCD

แล้ว โรค NCD  หรือ Non-Communicable Diseases คืออะไร?  โรค NCD คือ โรคที่ไม่สามารถติดต่อจากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง โรคประเภทนี้มักจะเกิดจากรูปแบบการดำเนินชีวิตหรือปัจจัยพันธุกรรม ตัวอย่างของโรค NCD ได้แก่ โรคไต, โรคหัวใจ, และโรคมะเร็ง ซึ่งเบาหวานก็เป็นหนึ่งในนั้น ผู้ป่วยที่ต้องการจัดการกับโรคเบาหวานชนิด 1 ชนิดอื่น ๆ และโรค NCD (Non-Communicable Diseases) อื่น ๆ ในประเทศไทยจะต้องเผชิญหลายประเด็นท้าทายทั้งในด้านการเข้าถึงการรักษา, ค่าใช้จ่าย, และการตอบสนองจากสังค:

  • การที่ต้องตรวจสุขภาพอย่างต่อเนื่อง: ต้องจ่ายค่าตรวจทั้ง Lab ในโรงพยาบาล หรือเครื่องมือตรวจสอบส่วนบุคคล และค่ายาซึ่งอาจจะทำให้คนบางมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก แลที่สำคัญต้องมีการนัดหมายแพทย์อย่างต่อเนื่องซึ่งอาจจะยากสำหรับคนทำงาน.
  • ความยากลำบากในการหายาและอุปกรณ์: ราคายาและอุปกรณ์ตรวจสอบสุขภาพส่วนบุคคล เช่นชุดตรวจน้ำตาลและวัดความดันโลหิต ซึ่งมีความเฉพาะเจาะจงและราคาสูงมาก อีกปัจจัยคือการจำหน่ายยา และอุปกรณ์ทางการแพทย์อาจจะยาก.
  • กรรม: ความรู้สึกที่เป็นกรรมส่งผลต่อสุขภาพจิต และการทำความเข้าใจของสังคมยังไม่เพียงพอ. ความเข้าใจที่ผิดพลาดและการไม่ยอมรับจากสังคม อาจจะทำให้ผู้ป่วยมีปัญหาในการปรับตัวหรือหาการสนับสนุน.
  • การเข้าถึงการรักษา: ปัจจับหลักคือค่ารักษาที่สูง รวมถึงความพร้อมของบริการทางการแพทย์อาจจะไม่เพียงพอ.
  • เงื่อนไขการรับประกันสุขภาพ: เบี้ยประกันสูง และอาจจะมีเงื่อนไขพิเศษ ที่สำคัญยากที่จะได้รับการครอบคลุมจากบริษัทประกัน หรือมีเงื่อนไขการรับประกันที่เข้มงวด.

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด เพราะผมจะมีตอนสองของเรื่องนี้ แน่ ๆ สถานการณ์ที่ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ยากลำบาก, ทั้งค่าใช้จ่ายในการรักษา, การเข้าถึงการรักษา, และความไม่ถูกยอมรับจากสังคม ทำให้ผมรู้สึกถึงความต้องการให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสม แต่ในความเป็นจริง หลายๆ คนยังต้องดิ้นรนเพื่อทำให้ชีวิตดำรงต่อไปในทุกวัน ด้วยความรู้สึกต่ำต้อยและผิดหวัง ซึ่งทุกปัญหานี้ยังคงอยู่และต้องการให้ทางสังคมและระบบการแพทย์ให้ความสนใจและสนับสนุนมากขึ้น.