Day 12 : The 3 Kingdoms

ช่วงนี้แอบอินกับการดูหนังจีนเราบังเอิญได้ยินพ็อดคาสท์เกี่ยวกับสามก๊กก็เลยลองหาข้อมูลดูผมขอเขียนเรื่องนี้สามวันนะครับผมจะวิเคราะห์ในมุมมองทั่วไปเปรียบเทียบระหว่างวรรณกรรมกับประวัติศาสตร์แล้วเดี๋ยวขอลงในเรื่องของข้อคิดและกลยุทธ์อีกสองบทความข้างหน้าก่อนเข้า ช่วงสุดท้ายของการเขียนบทความแบบบังคับให้ตัวเองเขียนทุกวัน

ยุคสามก๊กอยู่ในช่วงปลายราชวงศ์ฮั่นและยุคสามอาณาจักรในประวัติศาสตร์จีน, โดยครอบคลุมช่วงเวลาประมาณ ปี 184 ถึง 280 ค.ศ. ช่วงเวลานี้เป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่สำคัญและวุ่นวายที่สุดในประวัติศาสตร์จีน และมีการบันทึกที่หลากหลายนอกเหนือจาก “Record of Three Kingdoms” ที่ใช้เป็นแหล่งอ้างอิงได้:

  1. “Han Shu” (Book of Han) โดย Ban Gu: เป็นประวัติศาสตร์ของราชวงศ์ฮั่นตะวันออก ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนยุคสามก๊ก. งานนี้ให้ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับสังคมและการเมืองของจีนในช่วงนั้น.
  2. “Zizhi Tongjian” (Comprehensive Mirror in Aid of Governance) โดย Sima Guang: ประวัติศาสตร์ที่ครอบคลุมจากสมัยโบราณจนถึงราชวงศ์สง. แม้ว่ามันจะเขียนหลังจากยุคสามก๊ก แต่ก็ให้ข้อมูลเชิงวิเคราะห์ที่ละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์ในช่วงนั้น.
  3. “Jin Shu” (Book of Jin): บันทึกเหตุการณ์ในราชวงศ์จิน, ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากยุคสามก๊ก. มันให้มุมมองเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากการแตกแยกของสามอาณาจักร.
  4. บันทึกท้องถิ่นและประวัติศาสตร์ของจังหวัด: บันทึกที่ทำโดยท้องถิ่นต่างๆ ในจีนยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์และบุคคลสำคัญในยุคสามก๊ก.
  5. ประวัติศาสตร์ภายหลังที่อ้างถึงยุคสามก๊ก: ผลงานประวัติศาสตร์ในภายหลังมักจะมีการอ้างอิงหรือวิเคราะห์เหตุการณ์ในยุคสามก๊ก เพื่อให้เข้าใจบริบทจีทางประวัติศาสตร์และผลกระทบที่มีต่อประวัติศาสตร์จีน

“สามก๊ก” หรือ “Record of Three Kingdoms” และ “Romance of Three Kingdoms” เป็นสองผลงานที่สำคัญซึ่งทั้งคู่มีรากฐานมาจากช่วงเวลาเดียวกันในประวัติศาสตร์จีน คือ ยุคสามก๊ก (ประมาณ ค.ศ. 169-280). แม้ทั้งสองจะมีพื้นฐานเรื่องราวที่คล้ายกัน แต่แนวทางและการนำเสนอต่างกันอย่างมาก เนื่องจากหนึ่งเป็นบันทึกประวัติศาสตร์และอีกเล่มเป็นวรรณกรรม.

“Record of Three Kingdoms” – มุมมองประวัติศาสตร์

“Record of Three Kingdoms” เขียนโดย Chen Shou ในศตวรรษที่ 3, พิจารณาเป็นงานประวัติศาสตร์ที่มีความน่าเชื่อถือ. งานเขียนนี้บันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างการสู้รบของอาณาจักร Wei, Shu, และ Wu. มุ่งเน้นที่เหตุการณ์ทางการเมืองและการทหาร โดยมีการวิเคราะห์ทางยุทธวิธีและการนำทัพของผู้นำแต่ละอาณาจักร.

“Romance of Three Kingdoms” – มุมมองวรรณกรรม

“Romance of Three Kingdoms” ซึ่งเขียนโดย Luo Guanzhong ในศตวรรษที่ 14, เป็นผลงานวรรณกรรมที่เพิ่มองค์ประกอบของนิยายเข้าไปในเรื่องราวประวัติศาสตร์. งานนี้เน้นย้ำความซับซ้อนของตัวละคร และเสริมด้วยตำนาน, ความเชื่อ, และเรื่องราวเหนือธรรมชาติ. มีการสร้างตัวละครที่ทรงพลังและการแสดงออกถึงคุณธรรมและจริยธรรมของสังคมจีน.

การเปรียบเทียบและความแตกต่าง

การเปรียบเทียบทั้งสองผลงานเป็นการเปิดเผยถึงการทับซ้อนกันของประวัติศาสตร์และวรรณกรรม. ในขณะที่ “Record of Three Kingdoms” มุ่งเน้นที่ความถูกต้องทางประวัติศาสตร์, “Romance of Three Kingdoms” ใช้เสรีภาพในการตีความและสร้างสรรค์เรื่องราว. วรรณกรรมตัวล่าสุดเป็นเรื่องราวที่มีชีวิตชีวาและมีการสร้างตัวละครที่น่าจดจำ, ในขณะที่ประวัติศาสตร์ตัวล่าสุดเน้นความเป็นจริงและบันทึกเหตุการณ์.

ในมุมประวัติศาสตร์และการเอกสารอ้างอิงของ “Record of Three Kingdoms”

ประวัติศาสตร์ของ “Record of Three Kingdoms”

“Record of Three Kingdoms” หรือ “สามก๊ก” เขียนโดย Chen Shou ในศตวรรษที่ 3, ถือเป็นเอกสารประวัติศาสตร์ที่สำคัญในการศึกษาช่วงยุคสามก๊กของประวัติศาสตร์จีน. หนังสือนี้บันทึกเหตุการณ์ระหว่างการปกครองของอาณาจักร Wei, Shu, และ Wu, ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากการล่มสลายของราชวงศ์ฮั่น. การบันทึกนี้มีความสำคัญในการเข้าใจโครงสร้างทางสังคม, การเมือง, และการทหารของยุคนั้น.

ความสำคัญทางประวัติศาสตร์

งานนี้เป็นแหล่งข้อมูลหลักที่นักประวัติศาสตร์ใช้ในการศึกษายุคสามก๊ก. มันให้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้นำทางการเมืองและทหาร, กลยุทธ์ทางทหาร, และเหตุการณ์สำคัญที่เกี่ยวข้องกับการสู้รบและการแย่งชิงอำนาจ. การบันทึกเหล่านี้ช่วยให้เราเข้าใจถึงความซับซ้อนของการจัดการและการปกครองในยุคนั้น.

การเอกสารอ้างอิง

Chen Shou ได้รวบรวมและแก้ไขข้อมูลจากเอกสารที่หลากหลาย เช่น บันทึกทางการ, ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น, และบันทึกของบุคคล. นอกจากนี้, เขายังอาศัยข้อมูลทางปากเปล่าและตำนานท้องถิ่นเพื่อเสริมเรื่องราว. การผสมผสานข้อมูลเหล่านี้ทำให้ “Record of Three Kingdoms” เป็นเอกสารที่มีมูลค่าสูงทางประวัติศาสตร์.

ความท้าทายและข้อจำกัด

อย่างไรก็ตาม, มีการถกเถียงเกี่ยวกับความแม่นยำของบางส่วนของหนังสือ, เนื่องจาก Chen Shou อาจมีอคติทางการเมืองและสังคม. นอกจากนี้, การขาดแหล่งเอกสารอื่นๆ ในบางเหตุการณ์ทำให้การตรวจสอบข้อมูลเป็นเรื่องที่ท้าทาย.

การวิเคราะห์วรรณกรรม “Romance of Three Kingdoms”

ภาพรวมของ “Romance of Three Kingdoms”

“Romance of Three Kingdoms” เขียนโดย Luo Guanzhong ในศตวรรษที่ 14, ถือเป็นหนึ่งในวรรณกรรมคลาสสิกของจีน. งานนี้ไม่เพียงแต่เล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ยุคสามก๊ก, แต่ยังผสมผสานองค์ประกอบของนิยาย, ตำนาน, และศิลปะการเล่าเรื่องที่น่าตื่นเต้น.

คุณสมบัติของวรรณกรรม

“Romance of Three Kingdoms” สะท้อนถึงคุณธรรมและจริยธรรมของจีนผ่านตัวละครที่เปี่ยมไปด้วยความซับซ้อน. ตัวละครเช่น Liu Bei, Cao Cao, และ Sun Quan ถูกนำเสนออย่างละเอียดและมีมิติ, ซึ่งช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจความต้องการ, ความหวัง, และความกลัวของพวกเขา. นอกจากนี้, งานนี้ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของกลยุทธ์ทางทหารและการเมือง.

การใช้ตำนานและเรื่องเหนือธรรมชาติ

Luo Guanzhong ได้เสริมตำนานและเรื่องเหนือธรรมชาติเข้าไปในเรื่องราว, ทำให้ “Romance of Three Kingdoms” มีความน่าสนใจมากขึ้น. เรื่องราวเหล่านี้ไม่เพียงแต่เพิ่มความมหัศจรรย์ให้กับเรื่องราว แต่ยังช่วยสะท้อนถึงความเชื่อและวัฒนธรรมของจีนในยุคนั้น.

ผลกระทบต่อวัฒนธรรมและวรรณกรรม

“Romance of Three Kingdoms” มีอิทธิพลอย่างมากต่อวัฒนธรรมและวรรณกรรมจีน. งานนี้ได้กลายเป็นแบบอย่างสำหรับนิยายประวัติศาสตร์และได้ถูกแปลและเผยแพร่ไปทั่วโลก. ตัวละครและเหตุการณ์ในเรื่องยังคงเป็นที่รู้จักและถูกอ้างอิงในหลากหลายสื่อ, รวมถึงภาพยนตร์, ละคร, และวิดีโอเกม.

การตีความและการสร้างสรรค์

Luo Guanzhong ไม่เพียงแต่เล่าเรื่องประวัติศาสตร์ แต่ยังสร้างสรรค์และตีความเหตุการณ์และตัวละครในแบบของเขาเอง. การตีความนี้ทำให้ “Romance of Three Kingdoms” เป็นงานที่ไม่เหมือนใคร และช่วยให้เรื่องราวมีชีวิตชีวาและน่าสนใจมากยิ่งขึ้น.

การเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง “Record of Three Kingdoms” และ “Romance of Three Kingdoms” สามารถทำได้จากหลายมิติ:

1. ลักษณะและวัตถุประสงค์
  • Record of Three Kingdoms: เป็นงานประวัติศาสตร์ที่เขียนโดย Chen Shou. มุ่งเน้นไปที่การบันทึกเหตุการณ์ทางการเมืองและทหารอย่างละเอียด, พยายามรักษาความถูกต้องทางประวัติศาสตร์.
  • Romance of Three Kingdoms: เป็นนิยายประวัติศาสตร์ที่เขียนโดย Luo Guanzhong. ผสมผสานประวัติศาสตร์กับนิยาย, ตำนาน, และเรื่องเหนือธรรมชาติ, มุ่งเน้นที่การเล่าเรื่องและการพัฒนาตัวละคร.
2. ความถูกต้องทางประวัติศาสตร์
  • Record of Three Kingdoms: มีการวิเคราะห์เหตุการณ์จากมุมมองประวัติศาสตร์, พยายามรักษาความเป็นจริงของเหตุการณ์.
  • Romance of Three Kingdoms: แม้จะมีพื้นฐานจากประวัติศาสตร์, แต่มักมีการเพิ่มเติมและเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์เพื่อสร้างความน่าสนใจและดราม่า.
3. ตัวละครและการพัฒนา
  • Record of Three Kingdoms: ตัวละครถูกบรรยายในลักษณะเอกสารประวัติศาสตร์, มุ่งเน้นที่บทบาทและการกระทำของพวกเขา.
  • Romance of Three Kingdoms: ตัวละครมีความซับซ้อนและมีมิติมากขึ้น, บางครั้งมีการเพิ่มองค์ประกอบทางนิยายเพื่อเสริมความน่าสนใจ.
4. สไตล์และการเล่าเรื่อง
  • Record of Three Kingdoms: สไตล์การเขียนทางวิชาการ, มุ่งเน้นที่การเล่าเรื่องตามลำดับเหตุการณ์.
  • Romance of Three Kingdoms: การเล่าเรื่องเน้นดราม่าและอารมณ์, มีการใช้ภาษาและเทคนิคทางวรรณกรรมเพื่อสร้างความตื่นเต้น.
5. ผลกระทบทางวัฒนธรรม
  • Record of Three Kingdoms: เป็นแหล่งข้อมูลสำคัญสำหรับนักประวัติศาสตร์และผู้สนใจประวัติศาสตร์จีน.
  • Romance of Three Kingdoms: มีอิทธิพลอย่างมากต่อวัฒนธรรมจีน, ทั้งในแง่ของวรรณกรรม, ศิลปะ, และวัฒนธรรมป๊อป.

ทั้งสองผลงานนี้มีความสำคัญและมีผลกระทบที่แตกต่างกันต่อการเข้าใจประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของจีนในยุคสามก๊ก. “Record of Three Kingdoms” ให้มุมมองที่เป็นประวัติศาสตร์และเป็นข้อเท็จจริง, ในขณะที่ “Romance of Three Kingdoms” นำเสนอการตีความทางวรรณกรรมที่มีความสร้างสรรค์และน่าดึงดูด.

การวิเคราะห์ SWOT เชิงเปรียบเทียบสำหรับ “Record of Three Kingdoms” และ “Romance of Three Kingdoms” สามารถทำได้ดังนี้:

Record of Three Kingdoms

Strengths (จุดแข็ง)

  • ความถูกต้องทางประวัติศาสตร์: ให้ข้อมูลที่แม่นยำเกี่ยวกับยุคสามก๊ก.
  • คุณค่าทางวิชาการ: เป็นแหล่งข้อมูลหลักสำหรับนักประวัติศาสตร์และการศึกษาวิชาการ.

Weaknesses (จุดอ่อน)

  • ขาดความน่าดึงดูด: อาจไม่น่าสนใจสำหรับผู้อ่านทั่วไปเนื่องจากสไตล์การเขียนทางวิชาการ.
  • ความยากในการเข้าถึง: บางครั้งอาจเข้าใจยากสำหรับผู้ที่ไม่มีพื้นฐานทางประวัติศาสตร์.

Opportunities (โอกาส)

  • เพิ่มการใช้เป็นแหล่งข้อมูลในหลักสูตรการศึกษา: อาจใช้เป็นสื่อการสอนในหลักสูตรประวัติศาสตร์.
  • การแปลและการเผยแพร่ในรูปแบบต่างๆ: สามารถถูกแปลเพื่อเข้าถึงผู้อ่านทั่วโลกได้มากขึ้น.

Threats (อุปสรรค)

  • ความนิยมที่ลดลง: อาจถูกมองข้ามโดยผู้อ่านรุ่นใหม่ที่สนใจเนื้อหาที่มีความน่าสนใจและเข้าถึงง่ายกว่า.

Romance of Three Kingdoms

Strengths (จุดแข็ง)

  • ความน่าสนใจ: เนื้อหาที่สร้างสรรค์และน่าดึงดูด, รวมถึงการใช้ธีมเหนือธรรมชาติ.
  • ผลกระทบทางวัฒนธรรม: มีอิทธิพลอย่างมากต่อวัฒนธรรมและวรรณกรรมจีน.

Weaknesses (จุดอ่อน)

  • ความถูกต้องทางประวัติศาสตร์: บางครั้งอาจมีการเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์จากประวัติศาสตร์จริง.
  • การตีความที่แตกต่าง: ตีความตัวละครและเหตุการณ์ตามมุมมองของผู้เขียน.

Opportunities (โอกาส)

  • การนำเสนอในสื่อต่างๆ: สามารถถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์, ละคร, หรือวิดีโอเกม.
  • การเพิ่มความนิยมในหมู่ผู้อ่านรุ่นใหม่: การเล่าเรื่องที่น่าตื่นเต้นอาจดึงดูดผู้อ่านยุคใหม่.
  • Threats (อุปสรรค)
  • ความท้าทายในการรักษาความสมดุลระหว่างประวัติศาสตร์และนิยาย: อาจถูกวิจารณ์ว่าไม่ถูกต้องทางประวัติศาสตร์.
  • การแข่งขันกับวรรณกรรมใหม่ๆ: อาจต้องแข่งขันกับวรรณกรรมที่มีการเล่าเรื่องและสไตล์ที่ทันสมัย.

วรรณกรรมที่เกี่ยวข้องกับสามก๊กในทั้งสองแบบ – ทางประวัติศาสตร์และวรรณกรรม – มีหลายผลงานที่น่าสนใจ:

ประวัติศาสตร์

  1. “Zizhi Tongjian” (Comprehensive Mirror in Aid of Governance) โดย Sima Guang: งานประวัติศาสตร์ที่กว้างขวางซึ่งครอบคลุมเหตุการณ์ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงราชวงศ์สง.
  2. “Han Shu” (Book of Han) โดย Ban Gu: หนังสือประวัติศาสตร์ที่บันทึกเหตุการณ์ของราชวงศ์ฮั่นตะวันออก, ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนยุคสามก๊ก.
  3. “Jin Shu” (Book of Jin): บันทึกเหตุการณ์ของราชวงศ์จิน, ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากยุคสามก๊ก.
  4. “San Guo Zhi” (Records of the Three Kingdoms) Commentaries: คำอธิบายเพิ่มเติมและวิเคราะห์เกี่ยวกับ “Record of Three Kingdoms”, ซึ่งมีหลายเวอร์ชันที่เขียนโดยนักประวัติศาสตร์ต่างๆ.

วรรณกรรม

  1. “Sanguozhi Pinghua” (Popular Romance of the Three Kingdoms): งานวรรณกรรมที่เขียนก่อน “Romance of Three Kingdoms” และมีอิทธิพลต่อ Luo Guanzhong.
  2. “San Guo Yan Yi Pinghua”: วรรณกรรมเรื่องย่อที่เป็นพื้นฐานสำหรับ “Romance of Three Kingdoms”, โดยมีการเล่าเรื่องที่เรียบง่ายและเข้าถึงได้ง่าย.
  3. “San Guo Yan Yi Zhu” (Commentaries on Romance of the Three Kingdoms): คำอธิบายและวิเคราะห์เพิ่มเติมสำหรับ “Romance of Three Kingdoms”.
  4. นิยายและละครที่แต่งขึ้นโดยอิงจาก “Romance of Three Kingdoms”: มีหลายเรื่องที่ดัดแปลงหรือแรงบันดาลใจมาจากเรื่องราวของสามก๊ก, ทั้งในรูปแบบของนิยาย, ละคร, และภาพยนตร์.

การวิเคราะห์ระดับความสำคัญเชิงภูมิรัฐศาสตร์ของ “Record of Three Kingdoms” และ “Romance of Three Kingdoms” เป็นเรื่องที่น่าสนใจและสะท้อนถึงความลึกล้ำของเรื่องราวในยุคสามก๊ก:

Record of Three Kingdoms

ความสำคัญเชิงภูมิรัฐศาสตร์

  • การเข้าใจโครงสร้างการปกครองและการแบ่งแยกอำนาจ: “Record of Three Kingdoms” ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการและการปกครองในแต่ละอาณาจักร, ซึ่งสำคัญในการเข้าใจระบบการปกครองของจีนโบราณ.
  • กลยุทธ์ทางทหารและแผนที่: บันทึกทางทหารและยุทธวิธีที่ใช้ในยุคสามก๊กช่วยให้เข้าใจความสำคัญของภูมิทัศน์ทางภูมิรัฐศาสตร์ในการทำสงคราม.

Romance of Three Kingdoms

ความสำคัญเชิงภูมิรัฐศาสตร์

  • การสร้างสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมและอุดมการณ์: “Romance of Three Kingdoms” ไม่เพียงแต่เล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์, แต่ยังสะท้อนถึงอุดมการณ์, ค่านิยม, และจริยธรรมของจีน. สิ่งเหล่านี้มีผลกระทบต่อการรับรู้และการตีความประวัติศาสตร์ที่มีต่อภูมิรัฐศาสตร์.
  • การนำเสนอและการตีความเหตุการณ์: ผ่านการเล่าเรื่องและตัวละคร, “Romance of Three Kingdoms” ทำให้เหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์มีชีวิตชีวาและน่าสนใจ, ซึ่งอาจมีผลต่อการเข้าใจเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์และภูมิรัฐศาสตร์.

ทั้ง “Record of Three Kingdoms” และ “Romance of Three Kingdoms” มีความสำคัญเชิงภูมิรัฐศาสตร์ในแบบที่แตกต่างกัน. ในขณะที่ “Record of Three Kingdoms” ให้ข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับการปกครอง, การทหาร, และภูมิทัศน์ในยุคสามก๊ก, “Romance of Three Kingdoms” สะท้อนถึงอุดมการณ์, วัฒนธรรม, และค่านิยมที่มีผลกระทบต่อการรับรู้ประวัติศาสตร์และการตีความภูมิรัฐศาสตร์. ทั้งสองงานเป็นทรัพยากรที่มีค่าในการศึกษาและเข้าใจความซับซ้อนของประวัติศาสตร์จีนและผลกระทบทางภูมิรัฐศาสตร์.

ยุคสามก๊กเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่น่าสนใจที่สุดในประวัติศาสตร์จีน ครอบคลุมช่วงปี 184 ถึง 280 ค.ศ. ทั้ง “Record of Three Kingdoms” และ “Romance of Three Kingdoms” เป็นผลงานที่มีความสำคัญในการศึกษาช่วงเวลานี้ โดยทั้งสองมีมุมมองและสไตล์ที่แตกต่างกัน: “Record” เป็นงานประวัติศาสตร์ที่เน้นความถูกต้องและละเอียดลออ, ในขณะที่ “Romance” เป็นวรรณกรรมที่มีการเพิ่มเติมนิยายและตำนาน. แหล่งข้อมูลอื่นๆ เช่น “Han Shu” และ “Zizhi Tongjian” ก็ให้ข้อมูลที่เสริมเติมเรื่องราวในยุคนี้. การวิเคราะห์เชิง SWOT ของทั้งสองผลงานเปิดเผยถึงจุดแข็ง, จุดอ่อน, โอกาส, และอุปสรรคที่แตกต่างกัน, ทั้งในมิติประวัติศาสตร์และวรรณกรรม.

ในบทความตอนที่สองของเรา, เราจะดำดิ่งลงไปยังเรื่องราวที่น่าสนใจและลึกซึ้งของยุคสามก๊ก โดยมุ่งเน้นไปที่ผลกระทบทางภูมิรัฐศาสตร์และความสำคัญทางวัฒนธรรมของยุคนี้. เราจะสำรวจว่าอุดมการณ์, ค่านิยม, และกลยุทธ์ทางทหารในยุคสามก๊กได้มีผลกระทบอย่างไรต่อประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของจีน. นอกจากนี้, เราจะแนะนำแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่สามารถใช้เพื่อศึกษายุคนี้ได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น. ไม่ว่าคุณจะเป็นนักประวัติศาสตร์, นักวิชาการ, หรือแค่ผู้ที่สนใจในประวัติศาสตร์จีน, บทความตอนที่สองนี้จะเป็นการเดินทางที่น่าตื่นเต้นและเปิดเผยมุมมองใหม่ๆ ที่คุณไม่ควรพลาด.

Leave a Reply